หัดให้เป็นในหลายๆอาชีพ ไม่ใช่เรื่องเสียหาย

การยึดประโยคว่า จับปลาสองมือ เกี่ยวกับเรื่องของการหารายได้เสริม การทำอาชีพเสริมคงไม่ถูกสักเท่าไหร่ เนื่องจากชีวิตคนเรานั้นไม่สามารถเอาอะไรแน่นอนได้ว่า อนาคตของเราจะจบลงที่อาชีพใดเป็นหลัก ในชีวิตช่วงการเรียนที่ผ่านมานั้น แต่ละคนว่าได้เข้าสู่มัธยมจนไปถึงระดับมหาวิทยาลัย ย่อมมีการตั้งเป้าว่าจบมาจะทำอาชีพนี้ จบมาจะทำอาชีพนั้น ท้ายที่สุดเวลาจบมีซักกี่คนเชียวที่จะสามารถทำงานได้ตรงสายงานที่ตัวเองจบมา รับรองว่าไม่ถึง 20% แน่นอน

บางคนอาจจะไปทำอาชีพเสริมทางด้านอื่น บางคนอาจประกอบธุรกิจส่วนตัว น้อยคนที่จะได้ทำงานประจำตรงตามสายที่เราจบมา ดังนั้นการที่เราหมั่นหาความรู้ในการหารายได้ โดยรูปแบบต่างๆมันจะกลายเป็นวิธีที่ติดตัวเราไปตลอด บางทีวันนี้เราเก่งด้านทำเว็บไซต์ วันหน้าเว็บไซต์เริ่มลดความนิยมลง แต่แอปพลิเคชั่นได้รับความนิยมแทน ถ้าเราไม่แข็งด้านแอพ เก่งแต่เว็บไซต์แล้วยึดติดกับมัน คิดว่าเราจะมีงานรองรับจะมากแค่ไหน คำตอบคือลดลงอยู่แล้ว

เลือกอาชีพให้เหมาะกับเรา

บางที อาชีพเสริมอาจกลายเป็นอาชีพหลัก

ไหนจะต้องแข่งกับคู่แข่งที่มีอยู่ในตลาด ไหนจะต้องรับความเสี่ยงที่มีผู้จ้างน้อยลงเพราะพฤติกรรมผู้ใช้เปลี่ยนไป การมองหาอาชีพหลากหลายช่องทางเป็นทางเลือกให้กับตัวเรานั้น ไม่ใช่เรื่องที่เลวร้ายอะไรเลย แต่เราก็ต้องรู้จักบริหารเวลาแบ่งเวลาในการศึกษาช่องทางรายได้ใหม่ๆให้เหมาะสม ไม่ใช่ว่ามีงานอยู่แล้ว แต่ไม่ทำ มาคอยเสาะหาอาชีพใหม่อยู่ตลอด เมื่ออาชีพใหม่ที่ศึกษาไปรู้สึกว่าเข้าใจแล้วสามารถทำมันได้ เราก็ไปหาที่ใหม่อีก แบบนี้เมื่อไหร่จะทำงานจากอาชีพที่เราเรียนรู้ได้ล่ะ

ความพอดีและการเรียนรู้เป็นสิ่งที่ต้องมาคู่กัน เราสามารถทำหลายอาชีพในชีวิตเดียวได้อยู่แล้ว และในช่วงเวลาเดียวกันก็อาจจะทำได้หากทั้งสองอาชีพที่เราประกอบนั้นมีความสัมพันธ์กัน เช่น รับจ้างทำเว็บไซต์กับรับจ้างทำโฆษณาเว็บ ซึ่งทั้งสองมันก็อยู่ในรูปแบบของการตลาดบนอินเตอร์เน็ต มันสามารถทำร่วมกันได้ การหัดให้เราเป็นหลากหลายอาชีพไม่ใช่เรื่องน่าเกลียด ใครที่ว่าเราชอบจับหลายทาง เอาแน่เอานอนชีวิตไม่ได้ ถ้าเราเป็นคนที่มีการบริหารเวลาได้เหมาะสม เราย่อมรู้ตัวดีว่าเราแบ่งเวลาแต่ละงานได้หรือไม่ แต่ถ้าเกิดว่าเรามัวแต่มองหารูปแบบงานใหม่ไปเรื่อยเรื่อย เราอาจจะจบลงตามที่ประโยคคนเหล่านั้นกล่าวหาเราก็ได้